Translate

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ exchange แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ exchange แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Brussel วันที่2 -Brugge


20.12.2014

วันที่สองตื่นประมาน 8.30 ไปซุปเปอร์อีกครั้งเพื่อซื้ออาหารเช้า ซื้อขนมปังแถวกะไข่มาแบ่งกันกิน แชร์แค่คนละ 50 cent กินได้ 2 มื้อ คือคุ้้มมากก แล้วก็ซื้อของจะมาทำอาหารกันตอนเย็น พวกหอยแมลงภู่อบเนยกะไวน์ขาว ที่นี่หอยตัวใหญ่และไม่แพง กลับมากินอาหารเช้าเสร็จเราก็ออกไปเดินแถว Grand place อีกรอบ จะเห็นบรรยากาศตอนสายๆ ซึ่งต่างจากตอนกลางคืนเลย เดินตามซอกซอยที่แยกตรง Grand place มาจะเจอร้านวาฟเฟิลตามทาง ที่นี่วาฟเฟิลมีหลายแบบ แบบที่กินครั้งแรกคือแบบปกติ หนาหน่อย กรอบนอกนุ่มใน ใส่ทอปปิ้งได้ เราราดคาราเมล อร่อยมากก ถูกด้วย เดินตามทางเรื่อยๆจะเห็้นแต่นักท่องเที่ยวชาวเอเชียเต็มไปหมด แบบเหมือนมา China town 55555 เดินไปหา Menneken Pis เป็นรูปปั้นเด็กยืนฉี่ ตัวเล็กมากก คนก็รุมถ่ายรุปเพียบเพราะมันคือสัญลักษณ์ของที่นี่ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันถึงดังขนาดนี้ เราก็ถ่ายๆมาด้วยไหนๆก็มาถึงแล้ว อิอิ

อาหารเช้า50 cent ของเรา

เมอแรงน่ารักมากก

Menneken Pis ตัวเล็กได้อีกก

วาฟเฟิลอร่อยย


เดินไปสถานีรถไฟหลักเพื่อตามล่าหาแผนที่ที่ไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวาน ก็ไม่มี คือไรรร พวกเราก็เดินไปแวะไปเรื่อยๆ ผ่านสถานที่สำคัญๆเช่น parliament,  st. Micheal church เข้าไปข้างในสวยมากก แต่ความจริงเรารุ้สึกว่าทุก church มันคล้ายๆกันไปหมดอ่ะนะ เดินต่อไปเจอ free exhibition เราแวะเข้าที่นี่เพราะมันฟรี555 มีพวกงานแสดงของที่เกี่ยวกับ Brussel และให้เรา react ได้ด้วย ก็น่าสนใจดีนะ ที่สำคัญคือเราเจอแผนที่ที่นี่ แบบโคตรดีใจ แล้วก็ได้พวกบัตรลดราคา บัตรชิมช็อกโกแลตฟรีมา พอออกจากนี่ก็เดินผ่านสวนขนาดใหญ่ คือต้นไม้มันผลัดใบหมดแล้วเลยดูโล่งมากๆ ดูเหมือนที่ถ่าย mv safe and sound ของ Taylor Swift เลยอ่ะ ดูสวยแบบเศร้าๆ ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบนะ




st. Micheal church

เราเดินหาทางไป Comic Strip center เป็นที่จัดแสดงเกี่ยวกับ comic ชื่อดังที่เรารุ้จักกันอยุ่แล้วเช่น tintin, smurf ไรงี้ คือตามตึกของที่นี่จะชอบมีรูปการ์ตูนที่ผนังเป็นระยะๆ แต่ละรูปจะแทรกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเมืองไปแล้ว ตลกดีนะ แบบเห็นตึกดูเก่าๆสวยๆแต่ก็มีรูปการ์ตูนอยุ่บนตึก ถึงจะดูขัดกันแต่ก็ลงตัวดี เราเดินไปก็จะคอยมองหาว่าตรงไหนจะมี comic strip บ้าง

Comic strip center

comic strip ตามตึกจริงๆ
 
จากนั้นเราก็จะไปชิมช็อกโกแลตฟรีที่ร้าน Galler อยุ่ใกล้ๆ Grand Place มีแผนที่แล้วหาง่ายขึ้นเยอะเลย ช่วงเย็นๆนี้คนเริ่มเยอะมาก โดยเฉพาะคนเอเชีย รุ้เลยว่าเข้าเขตใกล้ center เราแวะกินวาฟเฟิลอีกอันก่อนไปชิมช็อกโกแลต ชื่อร้าน waffle factory แชร์กับเพื่อนเพราะตอนแรกคิดว่ามันใหญ่มาก สั่ง waffinie เป็นวาฟเฟิลสอดไส้ chocolate belgium ตรงกลาง แค่ 3 euro ได้บัตรลดมาเหลือ 2  euro ถูกมากกก แต่เล็ก่ะ กินได้คนละไม่กี่คำ อร่อยดีนะ คนล้นเลยย เราตรงไปชิมช็อกโกแลตต่อจากนั้น ความจิงไม่ต้องมีบัตรฟรีก็ชิมได้เพราะเค้าไม่ดูเลย แต่ช็อกโกแลตที่นี่อร่อยจิง ฟินกันปายย


chocolate Atomium เป็น landmark Brussel อีกอย่างแต่เราไม่ได้ไป

วันนี้เรากะจะเที่ยวไม่เยอะเพราะเด๋วต้องกลับไปทำอาหารกินกันที่ที่พัก กลับไปแทบหมดแรงเพราะเดินเยอะมากวันนี้ เที่ยวได้รอบเมืองแล้ว กลับมาทำพาสต้ากับหอยแมล่งภู่อบเนยกัน ทุกคนช่วยกันทำ มื้อนี้กินแบบอิ่มมากกก กินหอยคนละมากกว่า 10 ตัว กับพาสต้าอีกคนละจาน เฉลี่ยจ่ายแค่คนละ 2.3 ยูโร!!?!?  ไม่คิดว่าจะถูกขนาดนี้เลยจิงๆ เป็นมื้อพิเศษที่ได้กินดีๆราคาประหยัด ตอนกลางคืนว่าจะออกไปเดินเล่นหลังกินเสร็จ สรุปไม่ได้ไปเพราะทุกคนเหนื่อยมาก นั่งเม้ากันยาววว ลืมบอกว่าเด๋ววันพรุ่งนี้เรากับพลอยต้องแยกกับพวกนี้ไปเจอเพื่อนที่มาจากไทย คืนนี้เลยเป็นคืนสุดท้ายที่จะได้อยุ่ด้วยกัน เจออีกครั้งก็ปีหน้าที่ลินซ์เลย จบไปอีกวันสำหรับคืนที่ Brussel

21.12.2014
ตื่นเพราะเสียงปลุกเพื่อนเกาหลี วันนี้เราต้องย้ายไป Brugge อีกเมืองในเบลเยี่ยมที่เป็นเมืองมรดกโลก มื้อเช้าทำซุปมันฝรั่งและมันฝรั่งอบกินกัน อร่อยและอิ่มมาก ออกจากที่พักแล้วเราก็ไปสถานีหลักเพื่อเพื่อนที่กลับมา brussel หลังกลับจาก brugge คืนนี้ จะได้มาเก็บของที่นี่ก่อน เรากับเพื่อนคนไทยพักที่ brugge คืนนึงเลยไม่ต้องเก็บ  เรานั่งรถไฟชั่วโมงเดียวก็ถึง Brugge เอาของไปเก็บที่พักก่อน เราพัก ibis budget ที่ใกล้สถานีรถไฟหลักมากก เดิน 5 นาทีถึงเลย และจากนี้ต้องใช้บริการที่นี่อีกหลายครั้ง เพราะเราจอง ibis budget ทั้ง Paris และLyon โชคดีที่นี่มีแผ่นที่เมืองให้ เลยไม่เสียเวลาเดินหานาน ตามแผนที่ไปเรื่อยๆก็เจอ เดินตามมทางคลาสสิกปูด้วยอิฐ เป็นเมืองที่น่ารักดี ไม่ใหญ่และวุ่นวายเหมือนเมืองหลวง ไปพวก church, โรงพยาบาลสมัยสงครามที่นี่ แต่เสียค่าเข้าเลยไม่เข้า ไปเจอร้านขายชอกโกแลตร้านนึง ดูดีและคนเยอะ เค้าบอกเป็น hot chocolate ที่อร่อยที่สุด ราคาไม่แพง เลยจัดไปแก้วนึง อย่างฟินนน หมดด้วยความรวดเร็ว แถวนั้นเป็น christmas market ด้วย แต่เราแค่เดินดูเฉยๆ แล้วตรงไปที่ center เลย โผล่ไปนี่ต้องร้องว้าววว สวยมากก มีลานไอซ์สเก็ตตรงกลาง ตึกสวยมากๆ มีเอกลักษณ์ที่หลังคาจะเหมือนเป็นขั้นบันได ดูแปลกตาแต่สวยดี พักกินข้าวกลางวันกันที่จตุรัสกลาง เรากิน hotdog กับเพื่อน อร่อยมากก เสียดายอากาศไม่ดีเลย ถ่ายรุปไม่สวยเพราะฝนตกและฟ้ามืดๆ หนาวมากกก เข้าไปหลบฝนใน museum ตรงนั้น ตอนแรกจะเข้าแล้วแต่แพงมาก เลยถ่ายรุปข้างหน้าแล้วก็ออก5555








เดินต่อไปตามซอกซอย มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง เป็นจุดถ่ายรูปที่ดีที่สุดของ Brugge มีบริการล่องเรือด้วย แต่เราไม่ได้ล่องเพราะฝนตก ทุกอย่างดีหมดยกเว้นอากาศและฝน-*-  เดินเล่นซักพักก็กลับที่พักเรา แวะซื้อของที่ซุปเปอรฺมากินบนห้อง นั่งเล่นเกม เม้ามอยไรงี้ แฮปปี้สุดด คืนนี้ก็ต้องแยกกับเพื่อนแล้ว พอถึงประมานเกือบสี่ทุ่มพวกนี้ก็ต้องกลับไปรอรถบัสไปปารีสที่ brussel และก็ได้เวลานอนของเราา



จบการเดินทางในเบลเยี่ยมเท่านี้จร้าาา

next station....Paris

 

วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Christmas break :Brussel วันแรก

 

Christmas break <19 dec 2014 -1 jan 2015>

Brussel-Brugge-Paris-Lyon-Interlaken-Luzern-Zurich-Vienna                    

<Belgium-France-Switzerland-Austria>


ไม่ได้ลงซะนาน ความจริงไปมาหลายที่แล้วทั้ง Cesky krumlov ที่ Czech Republic, Budapest ที่ Hungry, Oktoberfest trip ที่ Hallstadt, Nuanburg, Munich (Germany), Salzburg, Vienna และ Gmunden ในออสเตรีย กลับมาคิดๆดูแล้วนี่เราไปเที่ยวโคตรเยอะเลยอ่ะ อยู่ไทยยังไม่เที่ยวเยอะขนาดนี้เลยนะเนี่ย แต่ตอนนั้นไม่ได้บันทึกไว้ ไม่คิดว่าจะทำบล็อก เด๋วขอกลับไปนึกก่อนแล้วมีเวลาจะลง5555555
เราพิมผิดพิมถูก อย่าว่ากันน้าาา
 
19.12.2014
ในที่สุดช่วงแห่งการเที่ยวก็มาถึง คราวนี้ไปนาน10 กว่าวันเลย แต่กลับมาต้องอ่านหนังสือสอบไฟนอลอีกกก-*- ช่างมันก่อน เที่ยวก่อนค่อยคิด5555

 วันนี้ตื่นเช้ามากกก เพราะต้องไปขึ้นเครื่องบินที่เวียนนารอบ 9 โมงกว่าเพื่อไป Brussel, Belgium ออกจากลินซ์ตอนตี4 นั่งแท็กซี่ไป Haupbahnhof ไม่ถึงครึ่งชม.มีเพื่อนไปด้วยรวมเรา 6 คน คือ ไทย2 เพื่อนไต้หวัน 2 คน เกาหลีคนนึง แลพญี่ปุ่นอีกคน ยังกะเอเชี่ยนทริปปป

พอไปถึงสนามบินเวียนนา เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นนน เพื่อนไต้หวันคนนึงซึ่งดูเตรียมพร้อมสุดดันลืมเอาพาสพอทมา ทำให้ขึ้นเครื่องไม่ได้ จะกลับไปเอาก็ไม่ทัน ไม่รุ้จะทำยังไง สุดท้ายนางเลยตกเครื่อง ไม่ได้ไปรอบนี้ ต้องกลับไปเอาที่หอแล้วหาเครื่องรอบอื่นตามเรามา ทุกคนแบบช็อกมากกก ไม่คิดว่าเค้าจะลืมของสำคัญอย่างนี้ เรานี่เอาเข้ากระเป๋าอย่างแรกเลยย ทุกคนก็บอกขอให้ได้ไฟลทมาวันนี้ เพราะจ่ายค่าโรงแรมไปแล้ว


เจอเครื่องรูป haribo น่ารักมาก


 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

เครื่องเราต้องไปลงที่ Stuttgart ที่เยอรมันก่อน 6 ชม. แบบโคตรว่างงง นั่งเม้ากันตลอดเวลา ไปนั่งร้านอาหารเอเชียซึ่งมีอาหารไทยด้วย รอถึงบ่ายสองก็ได้ขึ้นเครื่อง ถึง Brussel ตอนประมาณ 4 โมงเย็น หาทางไปที่พักยากมากก แบบแผนที่ก็ไม่มีให้ที่สถานีรถไฟ ทางก็งงๆ ที่สำคัญคือคนดำเยอะมากก พวกนี้บางทีชอบมองแปลกๆ ต้องระวังของไม่งั้นอาจโดนล้วง แต่บางคนก็ดี ช่วยบอกทางไรงี้ กว่าจะหาที่พักเจอฟ้าก็มืดแล้ว เราพักเป็น b&b อยุ่ชั้นบนสุด แต่ใหญ่ดี อยุ่ได้หลายคน เราก็เก็บของแล้วกะจะไปหาที่กินข้าว หิวมากก

B&B


คืนแรกเราไปกิน kebab ซึ่งความจิงของตุรกีแต่ที่นี่มีเยอะมากก แบบยังกะเซเว่นบ้านเรา นึกว่าอยู่ตุรกีซะแล้ว รสชาติใช้ได้แต่แพงไปหน่อย เสร็จแล้วก็ไปเดินเล่น christmas market อากาศค่อนข้างหนาวว ที่เบลเยี่ยมก็รู้ๆกันว่าเค้ามีชื่อเสียงเรื่องช็อกโกแลตและวาฟเฟิล ก็เลยอยากจะโดนซะหน่อย ขอลองhot chocolate ก่อนคืนนี้ จัดไปแก้วนึง อร่อยดีนะแต่เหมือนนมช็อกโกแลตร้อนง่ะ แต่ถูกดีก็เลยโอเค เราก็เดินกันตามซอกซอยเล็กๆ จนไปโผล่ที่ Grand place(กรองปราส) เป็นจตุรัสกลางเมือง สวยสมคำล่ำลือจริงๆ แบบโผล่มายังกะอยู่ในเทพนิยาย รู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต(เว่อจิงๆ) แต่คือมันสวยมากกก ถึงว่าเค้าบอก Brussel เหมือนเป็นเมืองหลวงของยุโรป ตช่วงนี้มีต่นคริสมาสยักษ์อยุ่ตรงกลาง ตกแต่งไฟให้ดูอลังการมาก เราก็ถ่ายรูปกันๆ อยุ่ดีๆก็มีเพลงคลาสสิกดังขึ้นแล้วทุกคนตรงนั้นก็เต้นรำกัน!? แบบเป็นคู่ๆเลย ใส่กระโปรงยาวๆด้วย คือโรแมนติกมากก เป็น first impression ของที่นี่เลยย พอเพลงจบก็มีการแสดงไฟ คือเค้าจะเปลี่ยนสีไฟบนอาคารไปเรื่อยๆตามเพลงที่เปิด สวยมากก มีฟามสุขขข


ตอนกลางคืนสวยมากกก อย่างกะในนิยาย



ดื่มด่ำบรรยากาศแล้วก็แวะซื้อของที่supermarket แล้วก็กลับที่พัก วันนี้เหนื่อยมากเพราะเดินทางทั้งวัน เม้ากะเพื่อนเสร็จก็หลับเลยย


 
 


 

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557

เริ่มต้นการเดินทาง สู่เมืองลินซ์...ออสเตรีย


การเดินทางเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้....
5.09.2014
คือความจริงอยากจะเขียนมาตั้งนานละ แต่ไม่ค่อยมีเวลา อยู่มาซัก 3 เดือนแล้ว เพิ่งจะเริ่มม อยู่ที่นี่ไม่ใช่ว่ายุ่งเพราะเรียนหนักนะ คือแบบเที่ยวกับปาร์ตี้หนักซะมากกว่า555555
เข้าเรื่องการเลยดีกว่า คือตัวเรานี้ก็เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนหนึ่งปีที่ประเทศออสเตรีย ที่เมืองลินซ์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของออสเตรียและเป็นเมืองหลวงของ Upper Austria ที่ได้เป็นก็เพราะโครงการเราเป็นนานาชาติและมีสัญญากับมหาลัยแห่งนี้(เราไปเรียนที่ JKU) เราใช้เกรดและคะแนนโทเฟลยื่น สุดท้ายก็ได้มาเรียนปีสามที่นี่ โอนเกรดกลับได้หมด และเรียนต่อที่ไทยอีกปีนึงก็จบบ

เราเรียนเศรษฐศาสตร์ภาคภาษาอังกฤษ แต่ไม่ไได้คิดว่าอังกฤษของตัวเองจะดีมากขนาดนั้น การมาแลกเปลี่ยนครั้งนี้ก็เป็นธรรมดาที่จะตื่นเต้น ตามประสาคนไม่เคยห่างบ้านไปไกลถึงปีนึง แถมต้องดูแลตัวเองทั้งหมด ไม่มีใครมาบังคับ ที่สำคัญคือคิดในใจว่าตูจะพูดกับเพื่อนฝรั่งรู้เรื่องป่าวฟะ55555 คือจินตนาการตัวเองพูดอังกฤษตลอดเวลาไม่ออกเลย อยู่ที่ไทยก็พูดเฉพาะเวลาพรีเซ้นงานไรงี้ แต่เอาวะ มาถึงขั้นนี้ เอาไงเอากันนน


รอเครื่องที่เวียนนา
กว่าจะได้เข้าเรื่อง เกริ่นมาซะยาววว ขอเล่าอีกนิดว่าเรามาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนสนืทที่คณะอีกคน ก็เลยอุ่นใจขึ้นหน่อย จำได้ว่าวันแรกที่ออกจากบ้านมาสุวรรณภูมิที่แบบชิวมาก จัดกระเป๋าก่อนเดินทางซักอาทิตย์นึง แบบว่างเกินเลยขี้เกียจ พวกเพื่อนที่ม่ได้ไปแลกเปลี่ยนก็เปิดเทอมกันหมดแล้ว เราก็ไม่ต้องไปมอ รอไปเลยทีเดียว ป๊าขับรถมาส่งที่สนามบิน เครื่องออกเกือบเที่ยงคืน แต่คนเยอะเว่ออออ พอหาเกตเจอก็นั่งรอเพื่อน พอได้เวลาเข้าเกตเท่านั้นแหละ น้ำตาแตกเลยทีเดียว แบบไม่คิดจะร้องเลยนะ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ ยิ่งเห็นเพื่อนร้องก็อยากจะร้องตาม ครอบครัวมาส่งกันพร้อมหน้า จำได้ว่าตอนขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อไปที่รอตรงผู้โดยสารขาออกนี่คือครั้งสุดท้ายที่เห็นหน้าทุกคน ตอนนั้นคือไม่อยากไปแล้ว คิดว่าชีวิตต่อจากนี้อีกปีต้องเหงาแน่ๆ (ดราม่าแปปป) แต่พอเข้ามาที่นั่งรอเท่านั้นแหละ อยู่ดีๆก็หายเศร้าเฉย แบบอยากจะไปแล้วว เค้าอยากขึ้นเครื่องแว้ววว (เปลี่ยนโหมดอย่างรุนแรง) พอได้ขึ้นเครื่อง Austrian airline ก็หลับทันที (อะไรวะเนี่ยย) เครื่องเค้าดีนะ แต่ที่นั่งแอบแคบไปนิด เรานั่ง economy ด้วยมั้ง ตอนจะลงงี้ปกติเราจะกลัวมาก คือแบบขี้หูจะออกมาเต้นระบำอยู่แล้วว แต่กัปตันจอดนุ่มมากก



นั่งเครื่องนี้ไปลินซ์

เดินทางถึงกรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย ประมาณ 10 โมงเช้าของอีกวัน ใช้เวลาประมาณ 10 ชม แต่ต้องรอเปลี่ยนเครื่องไปลินซ์(Linz) อีกเจ็ดชม ซึ่งแบบจากเวียนนาไปลินซ์แค่ครึ่งชม -*- กำ เราก็ใช้เวลาเป็นประโยชน์มาก นั่งเล่นเน็ตฟรีที่สนามบินตลอด 7 ชม ที่รอ (productive ตั้งแต่วันแรกที่ไปเลยทีเดียววว) รอจนรากงอกแล้ววว ของในสนามบินก็แพงตั้งแต่น้ำปล่า ไม่ต้องคิดจะซื้ออย่างอื่นเลย แบบน้ำขวดละ 1.99 euro ประมาณ 80 กว่าบาท ขวดเท่าน้ำทิพขวดเล็กบ้านเราเลย แต่ก็ต้องซื้อ คือหิวน้ำมากก สุดท้ายได้เวลาขึ้นเครื่องไปลินซ์ เครื่องเล็กได้อีกกกกก จุได้ 30คน หวาดเสียวมากก แต่กัปตันขับดีอีกแล้ว คือเป็นอะไรที่ประทับใจ(แค่เครื่องบินชั้นยังชอบเลยคิดดู) พอเครื่องลงจอดสนามบิน Blue Danube ที่ลินซ์ ก็เจอ mentor คือต้องบอกกว่าว่าเค้าคือคนที่จะช่วยดูแลเราตลอดเวลาที่อยู่นี่ แบบมีไรไม่เข้าใจ มีปัญหาก็ปรึกษาไรงี้ แต่ mentor บางคนก็มารับแล้วก็หายไปเลยก็มี แต่เมนเทอร์เราใจดีมาก เป็นคนรัสเซีย ชื่อ Artem คือเค้ามาเรียนโทที่มอเดียวกับเรา แต่พูดเยอรมันเก่งมากกก (หล่อนิดๆด้วยนะ555 เป็น first impressionเล็กๆน้อยๆ) เค้ามาพร้อมเมนเทอร์เพื่อนเราอีกคน แต่คนนี้หลังจากมาส่งเพื่อนแล้วหายไปเลยย เค้าก็พานั่งแท็กซี่มาส่งถึงหน้าหอ ช่วยลากกระเป๋า จัดการเรื่องที่พักให้เสร็จสับ พาขึ้นไปเก็บของที่ห้อง เรานอนห้องเดี่ยวแยกกับเพื่อน ห้องติดกัน แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าเราเปิดห้องไม่ได้T^T ปรากฏว่ากุญแจเสียยยย ฟ้ากกกก คืนแรกเลยต้องนอนกับเพื่อนไปก่อน โชคดีที่มันมี2เตียง แต่หลังจากเราออกไปแล้วก็มีแม่บ้านมาเอาอีกเตียงออกไป0-o

ห้องเราเองง
หลังจากเก็บของทุกอย่างก็กะจะออกไปเดินสำรวจซะหน่อย ก็อยากหาเพื่อนคนอื่นไปด้วย แต่คือเพิ่งมาถึงยังไม่รุ้จักใคร พอดีมีคนที่มาถึงก่อนโพสในกรุ๊ปเด็กเอ้กเช้นปีนี้ว่ามีใครอยากไปดู festival ประจำปีมั้ย คือมันเป็นงานกลางคืนประจำปีแบบมีโชว์ จุดพลุ ออเคสตราเล่นบนเรือริมแม่น้ำดานูบไรงี้ เราก็โชคดีได้อีก มาถึงคืนนั้นพอดี เพื่อนเราเลยบอกว่าจะไปด้วย เค้าให้มาเคาะห้องเค้า แต่คือเค้าเป็นผู้ชายย เรากะเพื่อนเป็นผู้หญิง แต่ใครสน ณ จุดนี้5555 ก็เลยรวบรวมความกล้าไปเคาะห้องเค้า ปรากฏไม่มีใครเปิดประตู กำเวรรร ก็แบบถอดใจละ สุดท้ายเดินลงมาที่receptionข้างล่างหอ เจอเค้านั่งอยู่เฉยยย เรากะเพื่อนก็แบบเข้าไปทักเลย แล้วก็รุ้จักกัน เค้าเป็นคนเบรารุส วันแรกก็ได้เจอเพื่อนดีๆเลย เราก็ยังคุยกะเค้าจนถึงปัจจุบัน เค้ารอเพื่อนอีก2 คน เราเลยได้รุ้จักไปด้วย มาจากอิสโทเนียคนนึง อีกคนเป็นคนเสปน ตอนนี้เป็นเหมือนพี่สาวเราไปแล้ว ทุกคนคือดีมากก เค้าพาเราเดินจากหอไปcity center ในเมือง จตุรัสกลางเมืองเรียกว่า Hauptplatz เป็นจตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปกลาง คือจะบอกว่ามันโคตรรรไกลลล เพิ่งมารุ้ทีหลังว่าไม่มีใครเค้าเดินกัน เค้านั่งรถแทรม บอกใครว่าเคยเดินมานี่คือทุกคนดูตกใจมากก แบบยูเดินได้ไงประมาณนี้ ตอนนั้นมืดแล้ว เราก็มาจองที่นั่งดูงานกันริมน้ำดานูบ โรแมนติกเว่อ(ถ้าไม่มีคนสูบบุหรี่ข้างๆ -.,-) คนมางานเยอะมากกกกกก เกือบหลงกันตั้งแต่วันแรก ดูบรรยากาศครึกครื้นดี มีฟามสุขขข พลุก็สวยย แบบบรรยายไม่ถูก ไม่มาเองไม่รุ้ เราก็คิดในใจ การเริ่มต้นชีวิตที่นี่เริ่มขึ้นแล้วสินะ กว่าจะกลับถึงหอเกือบตีหนึ่ง เหนื่อยมาก สุดมาก นี่ขนาดวันแรกยังเอ็กซตรีมขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดถึงวันต่อๆไปเลย แต่ยอมรับว่าเราชอบที่นี่แล้วจริงๆ....
ป้ายหน้ามหาลัยย

สวยมากกกกก

ยิ่งใหญ่อลังการ




จบการเดินทางวันแรก
6.09.2014 ถึงออสเตรียแล้วค้าบบบ