Translate

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เด็กแลกปลี่ยน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เด็กแลกปลี่ยน แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2558

Vienna - Linz

31.12.2014
Vienna : countdown

 เผลอแปปเดียว วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของปีแล้ว วันนี้เราออกเดินทางไปเวียนนา ใกล้บ้านเข้าไปทุกทีๆ ใจหายเบาๆ เด๋วต้องกลับไปอ่านหนังสือสอบ final exam ของเทอมแรกแล้ว กลับไปเพื่อนๆที่มาแลกเปลี่ยนเทอมเดียวก็ต้องแยกย้ายกลับประเทศ แอบคิดว่าเหลืออีกเทอมเดียวที่จะได้อยู่ยุโรป เสียใจจจจ นี่เรามาครึ่งทางแล้วนะเนี่ยยย
ไม่ดราม่าดีกว่า มาต่อที่เราขึ้นรถไฟ night train จาก Zurich- Vienna ถึงตอนเช้าเลย ได้เที่ยวทั้งวันนะวันนี้ นี่ก็เป็นครั้งที่ 3 ที่มาเวียนนา แผนของเราคือจะไป new year market และ countdown ที่นี่

วันนี้ไป new year market ที่ Marien Thereza platztได้แก้วสวยๆลายเห็นมาอีกใบ ช่วงนี้สำสมแก้งจากพวก Christmas market เป็นลายแปลกๆที่รัฐบาลของออสเตรียจัดทำ ให้เก็บเป็นที่ระลึกได้เมื่อดื่มเครื่องดื่มเสร็จ แต่ถ้าคืนแก้วจะได้เงินคืน เราจัด hot pistachio ไปแก้วนึง เป็นนมรสถั่วพิสตาชิโอสีเขียวๆ อร่อยมาก ตอนแรกไม่ชอบเลย แต่ที่นี่มีของเกี่ยวกับ pistachio เยอะมาก คงเป็นของทั่วไปของยุโรป


สถาปัตยกรรมที่เวียนนา

ตอนกลางวันมีคอนเสิร์ตคล้ายๆคาราโอเกะ แบบใครจะขึ้นไปร้องก็ได้ แต่คนร้องเสียงไม่ค่อยไหวนะ555 ตอนเย็นเราเตรียม count down คนคึกคักมากก เราไปแถว Rathause Vienna คล้ายรัฐสภาของเค้า ใหญ่มากๆๆ ตอนนั้นคนแน่นมาก เราก็เบียดเสียดไปดูบรรยากาศ ซักพักมีการเปิดเพลงแล้วทุกคนก็เต้นกันเป็นคู่ๆ คล้ายๆที่เห็นที่ Brussel
เซอร์ไพรซ์มาก เสร็จแล้วนั่ง metro ไปที่ St' Stephen church เป็น church ประจำเมืองที่ใหญ่มาก ยิ่งเห็นตอนกลางคืนตอนไฟส่อง จะเห็นถึงความอลังการและยิ่งใหญ่ในอดีต เราคิดว่าจะเค้าดาวน์กันตรงนี้ ก่อนถึงเวลาก็มีคอนเสิร์ตตามธรรมเนียม มีนักร้องที่ร้องโอเปร่ามาแสดง หาดูไม่ได้แน่ๆที่ไทย ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ๆที่ดี พอถึงเวลาก็มีการจุดพลุ แต่คือผิดหวังนิดๆที่มันไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างที่คิดไว้ คือจินตนาการว่ามันจะยิ่งใหญ่มากๆสำหรับ Vienna countdown to 2015 พลุก็ไม่ได้สวยและเยอะเหมือนที่ไทย เอาจริงๆที่พารากอนยังดูยิ่งใหญ่กว่า5555 หรือที่ไทยมันเว่อ? อันนี้ไม่แน่ใจนะ

Rathause Vienna
กลับที่พักด้วยอาการเดิมเหมือนตอนหาที่พักที่ Luzern คือลากร่างพังๆกลับห้อง ที่นี่พักเป็น hostel เป็นเหมือนหอพัก วันนี้เหนื่อยมาก นที่สุดปีใหม่ก็มาถึง ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดี อย่างแรกขอให้สอบ final ได้เอเยอะๆ 5555 ถึงจะไม่ได้ฉลองกับที่บ้านแต่ก็แฮปปี้ คงเป็นหนึ่งในปีใหม่ที่ดีที่สุดในชีวิตแน่ๆ

เช้าวันต่อมา เราต้องกลับลินซ์แล้วสินะ ได้เที่ยวเวียนนาอีกวันนึงเต็มๆ กะจะกลับรถไฟรอบดึกสุด ไหนๆก็ขอเที่ยวก่อนกลับให้เต็มที่ เราก็เริ่มทริปสบายๆด้วยเข้าชม Kunst museum หรือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ คล้ายๆ national gallery และ Natural museum จัดแสดงพวกสัตว์สตาฟต่างๆ ความเป็นมา ที่นี่ทำให้รู้ว่าที่ออสเตรียเป็นที่ที่มีช้างแมมมอธเยอะมากในอดีต เหมือนเป็นต้นกำเนิดเลยก็ว่าได้ และได้เห็นสัตว์แปลกๆอีกมากมายที่ไม่มีทางเห็นที่อื่นแน่ๆ ที่สำคัญคือมาตามรอย Woman of Willendorf คือรูปปั้นผู้หญิงคนแรกของโลก รู้มาจากการการเรียน TU110 ตอนปีหนึ่งที่คณะ เรียนประวัติศาสตร์ยุโรปและศิลปะยุโรป เพิ่งรู้ความสำคัญวิชานี้ก็วันนี้แหละ555 พอเราเรียนแล้วจำได้จะแบบตื่นเต้นมากพอมาเห็นของจริง เพราะรู้ประวัติของมัน และทำให้อยากรู้เพิ่มขึ้น จนต้องไปหาเพิ่มจากเน็ตด้วยบางครั้ง (เห็นแบบนี้ก็รู้จักหาข้อมูลก่อนน้าา) คือเราจะเป็นพวกชอบหาข้อมูลที่เที่ยวที่ดูมาก่อน เพื่อจะได้รู้เรื่องนั้นๆแล้วจะได้เที่ยวแบบไม่เบื่อ
natural historical museum

National gallery
Woman of Willendorf
ว่ามาซะยาว แลดูมีสาระ5555 ปรากฏว่ามาเจอของจริง เห้ยยยย เล็กมากกกก คือรูปที่อาจารย์ให้ดูมันดูใหญ่อ่ะ ไม่คิดว่าจะเล็กขนาดเป็นนิ้ว ผิดคาดเบาๆ5555 แต่ถือว่า mission complete สบายใจละ ได้เห็นของจริง และนี่ไม่ใช่แค่อย่างเดียวที่เรียนมา ตอนไปดู gallery รูปของศิลปินยุโรปดังๆระดับโลก เจอรูปที่เคยเรียนมาอีกเพียบบบ แบบomggg ดูเว่อนะ แต่เราตื่นเต้นอ่ะไม่รู้ทำไม555 มันรู้สึกแบบสิ่งที่เคยเห็นในกระดาษ ตอนนี้มันมาอยู่ตรงหน้าจริงๆ เห็นกับตาเลย การดูศิลปะของยุโรปเยอะๆจะเริ่มเห็นสไตล์การวาดและจุดประสงค์ ในสมัยก่อนจะวาดเกี่ยวกับพระเยซูและ Madonna ซึ่งมารู้ทีหลังว่าคือพระแมามารี มารดาของพระเยซู อันนี้ก็ไปค้นจากเน็ตมาเหมือนกัน555

ใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่ในพิพิธภัณฑ์เกือบทั้งวัน คือสำหรับเรา เวลาดูศิลปะมันต้องซาบซึ้งกับผลงานด้วยถึงจะคุ้มที่มา แต่เพื่อนบางคนหลับไปแล้ว 555 อากมาฟ้ามืดซะแล้ว ได้เวาลเตรียมตัวกลับบ้านนน วันนี้ต้องแยกกับเพื่อนอีก 2 คนที่มาจาสวีเดนแล้ว เค้าจะเที่ยวเวียนนาต่อเพราะไม่มีสอบเหมือนเราและมาไกลกว่า เจอกันอีกทีคงตอนกลับไทย ล่ำรากันเสร็จก็แยกย้าย เราไปขึ้นรถไฟรอบ 10.30 pm ถึงลินซ์ตอนเที่ยงคืน ในที่สุดก็ถึงบ้านน คิดถึงเตียงจะแย่อยู่แล้ววว

ทริปนี้คงเป็นทริปใหญ่ที่สุดของการมาแลกเปลี่ยน ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมากๆ เช่นการดูแผนที่ การเอาตัวรอด การหาที่อยู่ การใช้เงิน รวมทั้งความรู้จากสถานที่เที่ยวต่างๆ และการได้สัมผัสของจริง เป็นประสบการณ์ที่จะไม่ลืมตลอดชีวิต ขอขอบคุณผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการคือป๊ากะแม่ ด้านการเงิน5555 เจอกันครั้งหน้าหลังสอบเสร็จจ้าาา

วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Switzerland is calling! (Interlaken-Luzern-Zurich)

Switzerland
26.12.2014 - 30.12.2014

Interlaken
ห่างหายไปนานนน เขียนตอนนี้หลังจากกลับมาแล้วนานมากเพราะไม่มีเวลา คือจะบอกว่าบางอย่างก็ลืมไปบ้างไรบ้าง แต่ตามดูจากภาพถ่ายว่าไปไหนมาบ้างก็พอได้อยู่5555 จะรวบเขียนเท่าที่จำได้ละกัล
วันนี้เราออกเดินทางไป Interlaken โรงแรม Katy's lodge guest house คือเป็นแนวเตียง2ชั้น ที่พักที่นี่แพงที่สุดในทริป เพราะมันคือ Switzerland ราคาประมาณ 40 euro และคือถูกที่สุดที่หาได้แล้ว หาที่พักอยู่ตั้งนาน เดินวนไปมาทั้งๆที่มัอยู่หลังแรกที่เดินผ่านไปเลย-*- ป้าเจ้าของแอบน่ากลัวตอนแรก บอกให้เข้าไปเช็คอินได้คนเดียว ท่เหลือรอหน้าห้อง เราก็แบบเป็นคนจองเลยต้องเข้าไป พอเอาของเก็บปั๊ป ป้าแกเปลี่ยนไป! ใจดีขึ้นมาเฉย แบบบอกวิธีเที่ยวอย่างละเอียด (ยิ่งกว่า agency tour) วันนั้นที่ไปถึงก็เย็นมากแล้ว ยิ่งช่วงหน้าหนาวมืดเร็วมากๆ เราก็แลกเงินเสร็จสรรพ แล้วก็ไป Interlaken lake เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ วันนั้นเริ่มหนาวมากๆ แต่ยังไม่มีหิมะ เราก็แอบลุ้นๆว่าต้องเจอหิมาที่สวิสแน่เลย เห็นแต่ตามพื้นแบบเปียกๆแฉะๆ555


เช้าวันต่อมา ลงมากินอาหารที่ป้าทำให้ ก็ยังดีมีอาหารเช้าให้นะ คือดีงามมาก มีหลากหลายและดูสะอาด ชอบก็ตรงนี้แหละ555 กินข้าวอยู่ๆ เห้ย เห็นหิมะตกนอกหน้าต่างครั้งแรกในชีวิต กรี๊ดกร๊าดมาก ทำทุกอย่างที่จินตนาการไว้ เช่น snow angel , อ้าปากกิน, ปาใส่กัน มันมากๆๆๆ คือดูเว่อมากก แต่มันคือความจริง5555 สไตล์คนไม่เคยสัมผัสหิมะมาก่อน นี่คือประสบการณ์ที่ดีมากจริงๆ แบบยังกะฝันไปปป (เว่อได้อีกก)
หลังจากหายตื่นเต้นกับการเจอหิมะครั้งแรกแล้ว วันนี้เราก็เตรียมตัวไป Jungfraujoch คือจุดสูงสุดของยุโรป ต้องซื้อตั๋วขึ้นแพงมาก ประมาณ 100 กว่าๆยูโร นี่ขนาดใช้ swisspass ลดได้แล้วนะ -*- แต่เอาวะ ไหนๆก็มาแล้ว ต้องได้อะไรบ้างแหละหน่า คือเราต้องขึ้นรถรางไปก่อนระยะหนึ่ง มีแวะเปลี่ยนเป็นจุดๆ สุดท้ายก็ไปถึงยอดจนได้ ไม่ต้องสงสัยว่าทุกอย่างที่นี่แพงมากๆ คือนอกจากจะเป็นสวิวแล้ว ยังเป็นจุดสูงสุดของยุโรปอีกกก แต่เราก็จัด postcard เขียนให้ที่บ้านใบนึง ราคา 1.2 euro แสตมป์แพงกว่า postcard อีกกก

ไปถึงยอด เพิ่งรู้ว่าที่นี่มีศูนย์วิจัยร่วม 4 ประเทศ คือ เยอรมัน ฝรั่งเศส สวิส และเบลเยี่ยม (ไม่แน่ใจ555) ในรูปpassport ที่เค้าให้คือจุดยอดมองลงมาเห็น 3 ประเทศ แต่เนื่องจากเราไปหน้าหนาว หิมะมาเต็มๆ ขึ้นไปจริงๆบอกเลยว่า กรูไม่เห็นอะไรเลยนอกจากสีขาวเป็นฉากกกก-*- นี่คือค่าขึ้นมา 100 กว่าๆยูโรเรอะะะ แล้วลมแรงมากกกก แบบยืนไม่ได้ พัดตัวปลิวเลย ออกไปได้นับเป็นวินาที พยายามรัวกล้องและถ่ายวิดีโอเพื่อให้คุ้มค่าราคา5555 แต่ก็โอเคนะพอมาคิดว่าจุดที่ได้ไปยืนคือจุดสูงสุดของยุโรป ค่อยสบายใจขึ้นหน่อยย
เราก็อยากตักตวงความรู้จากที่นี่ให้เยอะที่สุดเพื่อให้คุ้ม อ่านมันทุกป้ายเลย555 ถือว่าได้อะไรมามากอยู่ถ้าไม่ลืมม เออใช่ ที่นี่เค้ามีพวกนิทรรศการจัดแสดงความเป็นมาของยอด Jungfrau ด้วย แล้วก็มีที่ให้แสตมว่าเคยมาที่นี่ เอาไปให้ลูกดูได้นะ555
จบวันคือเหนื่อยมากก แต่ก็คุ้มค่าที่ได้มา ถือว่า bucket list checked! ตอนเย็นก็กลับไปกินมาม่าที่เอามาที่ห้อง เนื่องจากเงินหมดกับการขึ้นยุงเฟรา แฟร์ๆนะเคอะ อิอิ




Lucern
เรามาต่อกันที่ Lucern ขอบอกว่าเป็นเมืองที่ชอบที่สุดในสวิสเลย ไม่รู้เป็นไร ชอบเมืองขึ้นต้นด้วย L -Linz-Lyon-Luzern วันแรกที่มาถึงคือตอนกลางคืน อันนี้สุดติ่งกระดิ่งแมวจริงๆ แบบว่าโฮสไม่อยู่ เรามาถึงดึกมาก เกือบเที่ยงคืนแล้ว ต้องหาบ้านโฮสให้เจอ เค้าบอกให้หาบ้านที่มีกวางเรนเดียร์ประดับอยู่หน้าบ้าน แต่คือช่วงนั้นมันคือคริสต์มาส ทุกบ้านมีกวางหมด -*- แทนที่จะบอกบ้านเลขที่มาเลย พอถามใหม่ก็อธิบายงงๆ โชคดีมากเจอคนไทยที่อยุ่นี่ เค้าทักก่อนเพราะได้ยินเราคุยภาษาไทยกัน ฟ้ามาโปรดมาก ตอนนั้นดึก หิว หนาว เหนื่อย เหมือนวิญญาณเดินได้กันทุกคน เค้าก็ชี้ทางให้ไป ช่วยคุยกับโฮสให้ แต่พอแยกจากเค้าก็ยังหาไม่เจอ สุดท้ายเพื่อนคนนึงวิ่งไปถามคนในปาร์ตี้ให้ช่วย เค้าก็ดีมาก ออกมาช่วยหาจนเจอ สรุปคือเราเดินผ่านบ้านนี้มาแล้ว แต่โฮสดันบอกไม่ใช่ งงได้อีก เป็นการหาที่พักที่วุ่นวายที่สุดตั้งแต่เคยเที่ยวมา แต่พอเข้าไปในบ้านก็ดีนะ เค้าตกแต่งดีมาก ดูน่าจะรวยมาก โฮสจบมหาลัยดังด้วย ทุกคนคือเหนื่อยมาก ยกย้ายกันไปนอน

ตอนเช้าเราก็เอาแผนที่มาเปิดกางแล้วเดินตาม เดี๋ยวนี้ใช้คล่องแล้ว (ข้อดีของการเที่ยวบ่อยๆ555) ไปสะพานไม้ (Chapel bridge) เป็นสะพานโบราณทอดข้ามเมืองสองฝั่ง เป็น landmark ของที่นี่ที่พลาดไม่ได้เชียว ตอนนั้นหิมะตกเริ่มเยอะ เราก็ถ่ายรูปอย่างเมามัน เดินข้ามไปอีกฝั่งมี Starbuck เป็นร้านเดียวที่เปิดตรงนั้นเพราะวันนั้นเป็นวันหยุด เข้าไปเจอพนักงานหล่อเว่อ ถามทางเค้าจะไปร้านฟองดูว์ (แต่สุดท้ายไม่ได้ไป) คือเค้าตอบมาฟังไม่รุ้เรื่องเลยทีเดียว มัวแต่มองหน้า5555 เราเดินไปท่าขึ้นเรือซึ่งราคารวมอยู่ใน Swisspass แล้ว ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม นั่งกี่รอบก็ได้ คือดีมากกก บรรยากาศดีจริงๆ ล่องเรือในทะเลแล้วมีหิมะตกมาก็ฟินกันไป รู้สึกเหมือนอยู่บน Titanic 55555




บนเรือ

church



ของในสวิสแพงมากจริงๆ แค่แซนวิชในซุปเปอร์ยัง 3 euro กว่าๆ คือ 120 กว่าบาทตอนนั้น เราซื้อของในซุปเปอร์กลับไปกินเกือบทุกมื้อ555 ตอนกลางคืนจะไปดูถ้ำแกะสลักสิงโตหลับแห่ง Luzern เรื่องไม่คาดฝันเกิดอีกจนได้
 climax ของวันนี้มันอยุ่ตรงนี้ คือตรงหน้าสิงโตมันจะเป็นบ่อน้ำที่มีเกร็ดน้ำแข็งเกาะผิวด้านบน เราก็บอกเพื่อนแล้วว่ามันคือบ่อน้ำ แต่เพื่อนเราไม่เชื่อ บอกว่าเป็นดินรึป่าว คือใครมันจะขุดดินหน้ารูปสิงโต? มันก็อยากพิสูจนฺ เอาเท้าแหย่ลงไปแต่ดันลื่นหิมะ ตกลงไปในน้ำเลยดังตู้ม! คือเราตกใจยิ่งกว่าเพื่อนอีกนะ แบบมืดก็มืด น้ำก็เย็น โชคดีที่ไม่ลึกมาก แค่เอว และดีที่ตอนนั้นไม่มีนักท่องเที่ยวมาเยอะ มีแค่ไม่กี่คนและพวกเรา เลยไม่มีใครสนใจ สุดท้ายช่วยกันลากขึ้นมาได้


แต่ที่ตกใจกว่านั้นคือ เราเจอเพื่อนจากคณะเดียวกันที่ไทย เค้ามาแลกเปลี่ยนที่นอร์เว1 และสวีเดน2 คน งงมากว่าเจอได้ยังไง ยุโรปตั้งใหญ่ เลือกมาเที่ยวที่เดียวกันในเวลาเดียวกันเลยอ่ะ เป็นวันที่มีแต่เรื่องsurprise จิงๆ เรากะจะมานี่อีกครั้งพรุ่งนี้เพราะมันน่าจะมีแสงที่ถ่ายรูปได้ เลยนัดกันมาใหม่พรุ่งนี้ เพื่อนกลุ่มนั้นขอมาอยุ่ที่อพาร์ตเม้นเราแปปนึงเพื่อนะได้ทำอาหารกินกัน เราเลยไปซุปเปอร์ด้วยกันเพื่อซื้อของกลับไปทำ เมนูที่ทำมี 4 อย่าง สลัดผัก ชุกกินี่ผัดเบคอน พาสต้าซอสมะเขือเทศ และซุปมันฝรั่งใส่หัวหอม คือกินกะนจนตัวจะแตก เยอะมากก เก็บไปกินมื้ออื่นได้อีก มื้อนี้ถือว่าคุ้มจิงๆ ได้กินอร่อยราคาถูก แถมได้เพื่อนมานั่งคุยด้วยอีก3คน จนสุดท้ายทุกคนยังงงๆว่าเจอกันได้ยังไง5555 พวกนั้นกลับไปเราถึงได้นอน เหนื่อยแต่ก็สนุกดีนะ
สิงโตแห่ง Luzern

Zurich

ตอนเช้าตื่นสายเพราะเมื่อคืนนอนดึกมาก กินอาหารเช้าที่เหลือจากเมื่อคืน (ทำไว้เยอะมากกก กินเท่าไหร่ก็ไม่หมด)เก็บของเสร็จมารวมไว้หน้าห้อง ฝากของไว้ที่พักก่อน เนื่องจากเราออกสายเลยเสียเวลาเที่ยวลงไปอีก ไปถึง Zurich หาที่พักไม่ยาก ตั้งแต่พักที่นี่ยังไม่เคยเจอพนักงานซักคน คือเราเช็คอินเช็คเอ้าท์ด้วยตัวเอง ใส่รหัสแล้วกุญแจห้องจะหล่นลงมาจากกล่อง ดู high tech มาก ใช้เวลาเดินทางทั้งวัน ตอนกลางคืนออกไปเดินเล่นในเมือง แสงสีสวยมาก หิมะตกอีกแล้ว เราไปเช็ครอบเรือที่จะขึ้นพรุ่งนี้ที่ทะเลสาบซูริค แล้วก็มาเล่นปาหิมะกัน สนุกมากกก




วันต่อมาเข้าใจว่าทุกคนคงเหนื่อยจากการเที่ยวมาหลายวันแล้ว ก็เลยหลับกันบนเรือซะงั้น นี่อุตส่าหารอบได้แล้วต้องจ่ายเพิ่ม 8 euro ด้วยเพราะ swisspass หมดวันนี้พอดี คือมันเหนื่อยจริงๆ เที่ยวไม่ค่อยคุ้มนะวันนี้ ลงจากเรือก็หาร้านชิมช็อกแลตฟรีตามโบรชัวร์ที่เค้าแจก แล้วก็เลยถือโอกาสซื้อของฝากให้เพื่อนและตัวเองด้วย แบ่งกันอ้วนๆ
ตอนเย็นไปเดินเล่นที่พาร์คแห่งนึง มองลงมาจะเห็น Zurich ทั้งเมืองเลย เป็นจุดชมวิว หิมะคลุมเป็นสีขาวทั้งหมด สวยมากๆ มีพวกชิงช้าให้เล่น คือเล่นหิมะเป็นหลักนะที่นี่555 แล้วก็ไปดู church ประจำเมืองที่เก่าแก่และสำคัญมากของที่นี่และยุโรป เดินเล่นในเมืองตอนกลางคืนคือดีมาก ที่นี่ประดับเมืองดีและดูยิ่งใหญ่อลังการ ตอนนี้เริ่มคิดถึงลินซ์แล้ว จากบ้านมาเกือบ 10 วัน (คิดถึงบ้านที่ไทยมั้ย ?>> นิดนึง 5555) เดี๋ยวอีกวันก็ไปเวียนนาแล้ว ตื่นเต้นนน จะได้กลับบ้านนน

วิวเมือง Zurich

 
 


park


วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Paris-Lyon



22.12.2014

ตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่งเพื่อมาขึ้นรถไฟไปปารีส รถไฟออก 6.30 เราไปรอก่อนเกือบครึ่งชม ปรากฎว่ารถไฟมันไม่ออกจากนี่ไปปารีส ต้องไปขึ้นที่ Brussel คือเซ็งมากกก เพราะตอนซื้อตั๋วเลือกว่าออกจาก brugge แต่ในตั๋วเขียนว่า brussel เอะใจอยุ่แล้วนะ แต่มันดันเขียนข้างล่างว่าใช้จากไหนก็ได้ภายในวันนี้ เราเลยคิดว่าออกจากนี่ได้ สุดท้ายเลยตกรถไฟรอบนั้นไป หารอบเร็วสุดไป Brussel แล้วไปปารีสต่อ โชคดีมากที่มีรอบไปปารีสหลายรอบวันนี้ เลยได้ออกตอน 8 โมงกว่า ก็ยังดี ไปถึงประมาณ 10 โมงที่สถานี Gare du Nord เป็นสถานีหลักของปารีส คนดำเยอะมากก คือไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ นึกว่าอยุ่ Africa เพื่อนหลายคนที่อยุ่ปารีสเตือนไว้แล้วว่าให้ระวังกระเป๋าด้วยตลอด ไม่งั้นจะโดนขโมยหรือโดนจี้ได้ เราต้องเอากระเป๋ามาสะพายข้างหน้า เอาของไปเก็บที่โรงแรม ibis budget(อีกแล้ว) Paris Porte de la chapelle อยุ่ขอบๆของปารีสเลย ถูกมากก ใช้metroจากสถานีรถไฟมานี่แล้วเดินต่อเช้าโรงแรม แต่กว่าจะไปถึงได้นี่ลงผิดลงถูกนานมาก ใช้ metro จนคล่องเลยอ่ะ555 ทางไปโรงแรมค่อนข้างน่ากลัวเพราะมีคนดำเยอะและเปลี่ยวเพราะอยุ่เกือบนอกเมือง ยังดีมี metro ไป ไม่งั้นไม่กล้าาา จ่ายค่า metroเที่ยวเดียวไป 1.7 euro ถึงโรงแรม check in ได้เที่ยง ต้องไปนั่งรออีก เลยกินข้าวกลางวันรอเลย หลังจากเก็บของเสร็จเราก็จะไปหอไอเฟลกัน เราลงไปซื้อตั๋วแบบ 1 day ใช้ได้ถึงเที่ยงคืน นั่งกี่รอบก็ได้ภายในวันนึง ราคา 6.8 euro ระหว่างที่จ่ายตังรอเอาตั๋วมีคนดำคนนึงมายืนขอเงินข้างๆ เราแบบตกใจมากก กลัวมันมีมีดมาจี้ เพราะเคยได้ยินมาบ่อยละ ก็เลยรีบเดินออกมาเลยโดยที่ไม่ได้เอาตั๋ว มันก็เอาเงินเราจากเครื่องไปเลย เสียไป5ยูโร เจ็บใจมากก คือที่รีบออกมาเพราะกลัวมันจะทำอะไร ได้ไม่คุ้มเสีย แต่สุดท้ายเสียเงินให้มันไป ทำให้เราเซ็งตั้งแต่มาถึงปารีสเลยทีเดียววว

เรานั่งไปลงสถานี Trocadero ออกไปเจอหอไอเฟลเลยย คือมันเหมือนฝันน ทำให้เราลืมเรื่องโดนคนดำเอาเงินไปเลยย ปารีสเป็นเมืองในฝันของเราอยุ่แล้วเพราะเราดู Disney เรื่อง Anastesia แล้วมันมีฉากที่นี่เยอะ ชอบมากก คิดในใจว่ามาถึงแล้วโว้ยยย landmark ของปารีสสส ของจริงใหญ่มากก ไม่ว่าจะอยุ่ไหนในปารีสก็เห็นไอเฟล ถ่ายรูปกันให้หนำใจทุกมุม แต่ต้องคอยนะวังคนดำด้วยเพราะเค้าจะมายืนขายของที่ระลึกแถวๆนั้น เรานี่เข็ดเลยย เดินลอดใต้หอไปเฟลมา คนยืนรอคิวขึ้นเยอะมากกก เราเลยไม่ขึ้น เดินดูรอบๆก็พอใจละ โรแมนติกที่สุด เดินไปจะเจอคนยืนจูบกันเป็นคู่ๆ สุดๆอ่ะ จูบกันมี background เป็นหอไอเฟล คิดภาพตามดิ เดินตรงๆไปอีกด้านข้ามแม่น้ำไรน์จะเห็นอาคารใหญ่ๆตรงหน้า ที่มีสวนอยุ่ แต่ตอนนี้เค้ากั้นไม่ให้เข้าเพราะหน้าหนาวสนามแฉะ มีchristmas market และร้านขายของที่ระลึกรอบๆ เดินจนสุดแล้วเลี้ยวซ้ายจะเจออีกถนนที่มี cafe เยอะมาก เราเดินอย่างเดียวเลยเพราะจะได้ชมเมืองรอบๆด้วย เดินถึง hotel des invalides เป็นเหมือน palace แต่จริงๆไม่ใช่ ตอนนี้เปิดเป็น museum ให้ชมได้ มีโดมหลังคาทองใหญ่มาก ด้านหน้าเป็นสนามใหญ่ๆ เหมือนสนามหลวงบ้านเรา เพื่อนบอกว่าสนามหลวงก็เลียนแบบจากฝรั่งเศสเนี่ยแหละ5555 เดินข้ามสะพานที่มีหัวเสา 4 เสาเป็นทองคำ สะพานตกแต่งแบบหรูมาก คือที่นี่ทุกอย่างต้องดูอลังการงานสร้าง เน้นเว่อๆไว้ก่อน สวยจิงง เดินตรงมาเห็น Grand Palais อยุ่ข้างซ้าย คนต่อคิวเยอะอีกแล้ว รุ้สึกปารีสจะมีคิวยาวในทุกๆที่เลย เราไม่ได้เข้าอีกเช่นเคย5555 ตรงหน้ามีchristmas market ที่ใหญ่มากก แต่จะต้องเจอเพื่อนไทยเย็นนี้ เลยคิดว่าจะรอไปด้วยกัน เราลง metro แล้วนั่งไปดู Champs Elysees หรือชองเซลิเซ่ ประตูชัยฝรั่งเศสนั่นเอง ขึ้นจากmetro ก็เจอเลยทันที ดูยิ่งใหญ่อลังการมาก เป็นวงเวียนตรงกลาง เราขี้เกียจหาทางข้ามไปเพราะดูตรงนี้ก็สวยอยุ่แล้ว เลยถ่ายรูปรอบๆแล้วก็ไปเดินย่านถนน shopping center ของปารีสต่อ ข้างทางตกแต่งด้วยไฟเหมือนบนต้นคริสมาส ให้ความรุ้สึกว่าเดินในปารีสมากๆค่าา กลิ่นอายยุโรปที่นี่ใช่เลยยย




ใกล้ถึงเวลาที่จะได้เจอเพื่อนหลังจากไม่เจอเกือบครึ่งปีเพราะเค้าไปแลกเปลี่ยนที่สวีเดน ส่วนเราไปออสเตรีย เลยได้นัดเที่ยวกันช่วงนี้ที่เวลาตรงกัน นัดแถวม้าหมุนหน้าหอไอเฟล ในที่สุดก็เจอออ คิดถึงมากกก เพื่อนเรา2คน มากับเพื่อนเยอรมันอีกคนนึง เราไปเดินหาของกินกันที่เดิม กิน french fries ซึ่งไม่เห็นต่างจากที่อื่นเลย นึกว่ามากินที่นี่จะพิเศษกว่า5555 เสร็จแล้วก็ไปเดินเล่นแถว christmas market ด้วยกัน ตลอดข้างทางคนเต็มม ต้องระวังของตลอดด คือที่นี่ไม่ดีอย่างเพราะเราอยุ่อย่างไม่สบายใจ ต้องคอยระวังตัวตลอดเวลา อยุ่ไปนานๆเริ่มชินละ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดอีก เมื่อเพื่อนเราไปซื้อ hot wine ที่ร้านนึงแล้วลืมวางกระเป๋าเงินทิ้งไว้ กว่าจะรุ้ตัวแล้วกลับไปเอาก็ไม่อยุ่แล้ว เจ้าของร้านบอก 99% หายแน่นอน โชคดีที่เพื่อนมันแยกพวกบัตรสำคัญๆไว้อีกกระเป๋า เลยโดนขโมยแต่เงิน ซึ่งก็เยอะอยุ่แต่ทำไรไม่ได้ ได้แต่ทำใจ รุ้สึกวันนี้ดวงไม่ค่อยดีเลย เดินกันจนหมดแรงก็กลับโรงแรม วันนี้เหนื่อยมากจริงๆ ขาแทบหลุดเพราะเดินเยอะมากกก ใช้ metro ไม่ค่อยคุ้มเลยย ได้ประสบการณ์ใหม่(ที่ไม่ค่อยดี)กลับมาด้วย แต่ชดเชยกับได้เห็นไอเฟลก็โอเคคค

 23.12.2014
Louvre museum

วันนี้นัดเจอเพื่อนกลุ่มเด็กแลกเปลี่ยนที่แยกกันนไปตอน Bruggeเพราะเค้าก็เที่ยวปารีสเหมือนกัน แยกเพราะเราต้องมากับเพื่อนไทย เดินหาร้าน breakfast นานมากก็ไม่เจอที่ถูกและดี สุดท้ายกลับมา starbuck555 กินครัวซองช็อกโกแลตไปชิ้นนึง อร่อยดีนะ นัดเจอเพื่อนทุกคนที่นี่แล้วเราก็ไป Lourve museum กัน ปรากฏว่าไปถึงมันปิดวันนี้พอดี-*- ปิดทุกวันอังคารร เซงงงง เลยได้แค่ถ้ายรูปข้างหน้า pyramidแก้ว ว่ามาถึงแล้วนะะ (แค่ไม่ได้เข้าาาTT) เพื่อยกลุ่มแลกเปลี่ยนเค้าจะไปแวร์ซายกัน แต่เราไม่ได้อยากไปเพราะมันไกลจากปารีสมาก เลยไป Nortre-dam แทน เป็นเหมือนโบสถ์ใหญ่ๆ ข้างในสวยมากและชมฟรี เค้ากะลังทำพิธีอะไรซักอย่างที่ต้องให้กินขนมปังกับไวน์องุ่น ข้างในสวยมาก ความจริงเค้าให้ขึ้นชมวิวบนยอดได้แต่คนต่อแถวยสวเว่อๆ สุดท้ายก็ถอดใจ ไม่ขึ้นก็ได้วะ แล้วเราก็เดินไปต่อกันที่Monmartre hill คืออ่านว่ามองมาท ฮิล เป็นที่เหมือนchurchใหญ่ๆอยุ่บนยอดเนิน มองขึ้นไปเป็นสีขาว เหมือนปราสาทอลาดินเลยย เราชอบที่นี่มากๆ แบบตอนเดินขึ้นให้บรรยากาศชิวๆเหมือนเดินเล่นในสวน เห็นมีนางแบบมาถ่ายแบบด้วย ผนังข้างในตกแต่งด้วยทองคำและรูปพระเยซู ใหญ่มากกก เดินดูข้างในจนพอใจแล้วก็ออกมาหาอาหารกลางวันกินกัน ทุกคนหิวมากๆ เราไปร้านอาหารนึงแค่ลงจากเนินก็เจอเลย สั่งพาสต้าแบบเพลนๆมาจานนึง คือได้แค่เส้นลวกกับชีสถ้วยนึง งงมาก คือสั่งอันนี้เพราะถูกสุด แต่ได้แค่นี้!?!? เพลนเกินไปละะ แต่กินไปกินมาก็อร่อยดี
Ladureee


 
เสร็จแล้วเราก็ไปเดินแถว shopping center กัน พลอยไปซื้อ Longchamp เรากับคนอื่นๆไปยืนเล่นไวไฟในร้านฟรี555 แล้วก็กะจะไปหาร้านcafe ดีๆจิบกาแฟ สุดท้ายแวะไป Ludaree ร้านมาการองชื่อดังต้นกำเนิดที่นี่ คนเยอะมากขนาดต้องเข้าคิวรอที่นั่ง(อีกแล้ว) แต่พอได้เข้าไปก็คุ้มค่าการรอ คือร้านข้างในสวยมาก ตกแต่งสไตล์เหมือนใต้ทะเล เราสั่งมาการองคนละ 2 ชิ้น ตั้ง 5 euro อร่อยดี ไม่หวานเว่อเกินไป กินเสร็จเหมือนทำภารกิจเสร็จไปอย่างนึง เพราะเราตั้งใจจะมากินขนมต้นกำเนิดที่นี่ทั้งมาการอง เอแคล์ เมอแรง และเครป

Monmatre hill


Lafayette
หลังจากนั้นก็ไปสถานี Gare du nord เพื่อไป collect ticket สำหรับการเดินทางไป Lyon พรุ่งนี้ ตอนแรกเรากะจะเลื่อนตั๋วไปตอนบ่ายจากตอนเช้า เพราะคืดว่าจะไปลูฟที่เค้าปิดวันนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่เลื่อนเพราะอยากมีเวลาเที่ยว Lyon มากขึ้นถ้าถึงเร็ว สุดท้ายเพื่อนกลุ่มแลหเปลี่ยนที่แยกไปเค้าไปมาแล้วบอกว่าเราเข้าได้ฟรี!!!!!! เพราะมี residence permit ของออสเตรีย 1 ปี(เป็นเหมือนนักเรียนที่ยุโรป) คือแบบ-*-  เสียดายแปปปป ช่างมัน ทำไรไม่ได้แล้วววว สุดท้ายเราแวะไปกันที่ Lafayett เป็นหห้างหรูที่ใครๆก็ต้องมาเดินเพื่อความชิค แต่เห็นราคาแล้วหนูไม่สู้นะ แพงเว่อออ ดูแต่ตาเผ็น window shopping ละกัน เราว่าที่นี่ก็ไม่ได้เป็นห้างท่ดีอะไรขนาดนั้นนะ paragon ยังดีกว่าสำหรับเรา เดินแปปๆซึมซับบรรยากาศความแพงจนพอมจก็เดินออก5555

เราแวะซูปเปอร์ก่อนกลับที่พักเพื่อซื้ออาหารเย็นและเช้าวันต่อไป เพราะไม่มีเวลาหา กลับไปก็เหมือนปิกนิคในห้องเลย นั่งเม้า-ถมอยกับเพื่อนๆแล้วกินไปด้วย แฮปปี้่ดีจริงๆ นั่งแพลนถึงพรุ่งนี้กันจนง่วง เราก็กลับห้องนอน วันนี้รุ้สึกใช้ตั๋ว 1 day ticket unlimited คุ้มจริงๆ ใช้เวลาส่วนใหญ่อยุ่กับ metro จนโปร คือเราใช้ metro จนคล่องเลยที่เดียว

 

24.12.2014

วันนี้เป็นวันสุดท้ายในปารีสก่อนย้ายไปLyon เมืองทางด้านตะวันออกของฝรั่งเศส เราออกไปขึ้นรถไฟ 9 โมง ใช้เวลาประมาณ 5 ชม ถึงลียง นั่งในรถไฟเบื่อมากเพราะไม่มีไวไฟ  เลยนั่งเขียนบล็อกไปพลางๆ ไปถึง Lyon ก็เกือบบ่ายสามแล้ว หาโรงแรมอีก อยุ่ ibis budget เหมือนเดิมสำหรับงบนักศึกษาอย่างเราๆ ที่นี่เดินทางไม่ค่อยยาก ไม่ซับซ้อนเท่าปารีส แต่เนื่องจากเราผ่านปารีสมาได้แล้ว ที่นี่เลยไม่ยากสำหรับเรา เอาของเก็บที่โรงแรมแล้วก็กะจะไปหาไรอร่อยๆกินหลังจากที่ปารีสอดอยากกันมานานน กินแต่ของในซุปเปอร์เพราะมันแพง เริ่มต้นที่นั่ง metro ไปลง Bellacour โผล่ขึ้นไปเป็น center square มีรูปปั้นอยุ่ตรงกลางลาน ใหญ่มากกก แปลกใจว่าไม่มี christmas market ที่นี่เลย มันโล่งมากก มิงช้าสวรรค์ใหญ่มากอยุ่ใกล้ประตู metro ถ้าขึ้นไปจะมองเห็นวิวทั้งเมืองของ Lyon แต่ก็ไม่ได้ขึ้น มองจากตรงนั้นไปบนเนินเขา เห็นเหมือนปราสาทอยุ่บนยอด เหมือนปราสาทใน Disney เลยอ่ะ เราเดินเล่นแถวนั้นก่อนเพื่อรอเวลาร้านอาหารเปิด เป็นร้านที่ reception ในโรงแรมแนะนำมา วันนี้คือนข้างเงียบเพราะเป็น christmas eve ทุกคนฉลองในบ้านตัวเอง แปลกมากเพราะตอนแรกเราคิดว่าเค้าจะมีงานใหญ่ๆข้างนอกให้คนไปร่วม แต่ไม่มีเลยย แถวที่เราเดินเป็น shopping center มีวง chorus มาร้องเพลงchristmas ที่ทางเดิน ค่อยดูเหมือน christmas is coming ซะหน่อย การตกแต่งของที่นี่ก็ไม่ค่อยแตกต่างจากที่อื่นนัก แต่เราชอบเมืองนี้นะเพราะมันไม่วุ่นวายเหมือนปารีส คนดำก็แทบไม่มี ไม่ต้องอยุ่อย่างระวังตัวตลอดเวลา อยุ่แล้วสบายใจกว่ามาก เราไปกินครัวซองร้าน bakery ร้านนึง คือมันหิวจนไม่ทนแล้ว เลยรองท้องไปก่อน ครัวซองอร่อยสมกับที่ทำในฝรั่งเศส เราซื้อขนมเอแคล์และทาร์ตคาราเมลจากร้าน Paul ร้านขนมชื่อดังที่มีหลายสาขามาก เราก็เคยเห็นใน Brussel บอกเลยว่าอร่อยมากก ไม่หวานเกิน ในที่สุดก็ได้กินสมใจ





Paul
ถึงเวลามื้อเย็น เมื่อรอานที่เรารอเปิด ทุกคนคือหิวมากจริงๆ เราสั่งเนื้อ tataคล้ายๆเนื่อดิบสับกับมะกอก แพงมากกก 12.9 euro เป็นมื้อที่แพงที่สุดตั้งแต่เคยกินมาเลย เค้าให้สลัดกะมันฝรั่งทอดมาอีกอย่างละอ่าง กินด้วยกัน4คน อร่อยดี แต่อิ่มมากก


เสร็จแล้วเราไปเดินเล่นต่อแถว old townซึ่งเงียบมากและไม่มีคนเลยย น่ากลัวนิดๆ เดินตามซอยเล็กๆดูบรรยากาศ รุ้สึกเหมือนไป  cesky krumlov อีกครั้ง เมืองเก่าจริงๆ เราเดินผ่านร้านอาหารร้านนึงเลยแวะกินขากบทอด เป็นอาหาร traditional of Lyon ก็เลยอยากลองซะหน่อย สั่งขากบทอดกระเทียมอบเนย อร่อยมากก วันนี้กินแพงมากกก กินมื้อเย็น 2 รอบบบ*-* แต่ อร่อย พอใจมากกก โดนกันไป 29.90 euro ต่อจาน เราแชร์กันจานเดียว4คนจนพนักงานมองหน้า คิดว่าทำไมไม่สั่ง5 ก็ไม่สู้ราคาอ่ะนะ

ในที่สุดก็กลับโรงแรมซะที เหนื่อยมากก ถึงห้องก็หลับเลยทันที

 

 
 
 
 
25.12.2014
Merry christmas!!! วันนี้ร้านทุกร้านปิดหมดเพราะเป็นวันคริสต์มาส เราเลยกินแซนด์วิชที่ซื้อมาเมื่อวานจากซุปเปอร์แทน วันนี้ไป Fourviere เป็นปราสาทที่เห็นบนเนินเมื่อวาน ความจริงมันคือ church ข้างในสวยมากกก วันนี้มีพิธีทางคริสต์ คนมาเต็มเลย เราเข้าไปนั่งดูซักพักก็ออกมาถ่ายรูปเล่นด้านนอก มีจุดชมวิวที่สวยมากก มองเห็น Lyon ทั้งเมืองเลย หลังจากพักกินข้าวกลางวันแล้วก็เดินต่อไปดู Roman theatre เป็นครึ่งวงกลมมีที่นั่งเป็นขั้นๆ สำหรับเอาไว้ดูการแสดงสมัยโรมัน เสียดายที่มันปิดเพราะเป็นช่วงเทศการ เลยได้แต่ดูข้างนอก

Roman theatre

 
เราเดินเล่นไปอีกย่านหนึ่งของ Lyon เป็นตึกเยอะๆ แต่เหมือนย่านสลัมเลยอ่ะ ก็ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของ lyon เดินเล่นซักพักก็เบื่อ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวโซนนี้ เหมือนเรามาบุกเบิกเลยอ่ะ แต่ก็ดีที่ได้เห็นอะไรใหม่ๆด้วยตัวเอง ต่อมาเราดูแผนที่แล้วคิดว่าอยากไปทะเลสาบใน park ใช้รถบัสนั่งไปเกือบสุดสาย ลงหน้าพาร์คเลยจะมีประตูใหญ่ๆเหมือนประตูเข้าวัง ข้างในใหญ่มากก คนมาเดินเล่นเยอะช่วงเย็นๆ บรรยากาศสุดๆ เป็นอีกไฮไลท์ของที่นี่ที่เราชอบมาก เดินเล่นชิลๆกันริมทะเลสาบ เห็นคนให้อาหารเป็ด ห่าน หงส์ นก อากาศเย็นสบาย มีสวนย่อมๆในนั้นคล้ายๆสวนจีน เราเดินจนพอใจก็นั่งรถกลับเพื่อไปกินอาหารอินเดียที่เราจ้องไว้ตั้งแต่กลางวัน อยุ่ใกล้ๆ square ตรง Bellacour แต่ต้องเดินตรงข้ามสะพานก่อน ถึงร้านเราสั่ง naan เป็นแผ่นแป้งโฮลวีทอบ กินกับแกงกะหรี่ไก่ อร่อยมากก ขาดอาหารเอเชียมานาน ตอนเดินกลับนี่ก็มองหาซุปเปอร์มาเก็ตตลอดทาง จะได้ซื้อของตุนไว้เพราะ พรุ่งนี้ต้องไปสวิสเซอร์แลนด์ แล้วอาหารที่นุ่นแพงมาก เจอตรงทางกลับโรงแรมระหว่างรอรถtram ก็ซื้อจัดเต็มกันไป กลับถึงโรงแรมก็นอนเลย วันนี้รุ้สึกใช้ trasport คุ้มมาก ใช้จนคล่องอ่ะบอกเลย