Translate

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ออสเตรีย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ออสเตรีย แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2558

Vienna - Linz

31.12.2014
Vienna : countdown

 เผลอแปปเดียว วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของปีแล้ว วันนี้เราออกเดินทางไปเวียนนา ใกล้บ้านเข้าไปทุกทีๆ ใจหายเบาๆ เด๋วต้องกลับไปอ่านหนังสือสอบ final exam ของเทอมแรกแล้ว กลับไปเพื่อนๆที่มาแลกเปลี่ยนเทอมเดียวก็ต้องแยกย้ายกลับประเทศ แอบคิดว่าเหลืออีกเทอมเดียวที่จะได้อยู่ยุโรป เสียใจจจจ นี่เรามาครึ่งทางแล้วนะเนี่ยยย
ไม่ดราม่าดีกว่า มาต่อที่เราขึ้นรถไฟ night train จาก Zurich- Vienna ถึงตอนเช้าเลย ได้เที่ยวทั้งวันนะวันนี้ นี่ก็เป็นครั้งที่ 3 ที่มาเวียนนา แผนของเราคือจะไป new year market และ countdown ที่นี่

วันนี้ไป new year market ที่ Marien Thereza platztได้แก้วสวยๆลายเห็นมาอีกใบ ช่วงนี้สำสมแก้งจากพวก Christmas market เป็นลายแปลกๆที่รัฐบาลของออสเตรียจัดทำ ให้เก็บเป็นที่ระลึกได้เมื่อดื่มเครื่องดื่มเสร็จ แต่ถ้าคืนแก้วจะได้เงินคืน เราจัด hot pistachio ไปแก้วนึง เป็นนมรสถั่วพิสตาชิโอสีเขียวๆ อร่อยมาก ตอนแรกไม่ชอบเลย แต่ที่นี่มีของเกี่ยวกับ pistachio เยอะมาก คงเป็นของทั่วไปของยุโรป


สถาปัตยกรรมที่เวียนนา

ตอนกลางวันมีคอนเสิร์ตคล้ายๆคาราโอเกะ แบบใครจะขึ้นไปร้องก็ได้ แต่คนร้องเสียงไม่ค่อยไหวนะ555 ตอนเย็นเราเตรียม count down คนคึกคักมากก เราไปแถว Rathause Vienna คล้ายรัฐสภาของเค้า ใหญ่มากๆๆ ตอนนั้นคนแน่นมาก เราก็เบียดเสียดไปดูบรรยากาศ ซักพักมีการเปิดเพลงแล้วทุกคนก็เต้นกันเป็นคู่ๆ คล้ายๆที่เห็นที่ Brussel
เซอร์ไพรซ์มาก เสร็จแล้วนั่ง metro ไปที่ St' Stephen church เป็น church ประจำเมืองที่ใหญ่มาก ยิ่งเห็นตอนกลางคืนตอนไฟส่อง จะเห็นถึงความอลังการและยิ่งใหญ่ในอดีต เราคิดว่าจะเค้าดาวน์กันตรงนี้ ก่อนถึงเวลาก็มีคอนเสิร์ตตามธรรมเนียม มีนักร้องที่ร้องโอเปร่ามาแสดง หาดูไม่ได้แน่ๆที่ไทย ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ๆที่ดี พอถึงเวลาก็มีการจุดพลุ แต่คือผิดหวังนิดๆที่มันไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างที่คิดไว้ คือจินตนาการว่ามันจะยิ่งใหญ่มากๆสำหรับ Vienna countdown to 2015 พลุก็ไม่ได้สวยและเยอะเหมือนที่ไทย เอาจริงๆที่พารากอนยังดูยิ่งใหญ่กว่า5555 หรือที่ไทยมันเว่อ? อันนี้ไม่แน่ใจนะ

Rathause Vienna
กลับที่พักด้วยอาการเดิมเหมือนตอนหาที่พักที่ Luzern คือลากร่างพังๆกลับห้อง ที่นี่พักเป็น hostel เป็นเหมือนหอพัก วันนี้เหนื่อยมาก นที่สุดปีใหม่ก็มาถึง ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดี อย่างแรกขอให้สอบ final ได้เอเยอะๆ 5555 ถึงจะไม่ได้ฉลองกับที่บ้านแต่ก็แฮปปี้ คงเป็นหนึ่งในปีใหม่ที่ดีที่สุดในชีวิตแน่ๆ

เช้าวันต่อมา เราต้องกลับลินซ์แล้วสินะ ได้เที่ยวเวียนนาอีกวันนึงเต็มๆ กะจะกลับรถไฟรอบดึกสุด ไหนๆก็ขอเที่ยวก่อนกลับให้เต็มที่ เราก็เริ่มทริปสบายๆด้วยเข้าชม Kunst museum หรือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ คล้ายๆ national gallery และ Natural museum จัดแสดงพวกสัตว์สตาฟต่างๆ ความเป็นมา ที่นี่ทำให้รู้ว่าที่ออสเตรียเป็นที่ที่มีช้างแมมมอธเยอะมากในอดีต เหมือนเป็นต้นกำเนิดเลยก็ว่าได้ และได้เห็นสัตว์แปลกๆอีกมากมายที่ไม่มีทางเห็นที่อื่นแน่ๆ ที่สำคัญคือมาตามรอย Woman of Willendorf คือรูปปั้นผู้หญิงคนแรกของโลก รู้มาจากการการเรียน TU110 ตอนปีหนึ่งที่คณะ เรียนประวัติศาสตร์ยุโรปและศิลปะยุโรป เพิ่งรู้ความสำคัญวิชานี้ก็วันนี้แหละ555 พอเราเรียนแล้วจำได้จะแบบตื่นเต้นมากพอมาเห็นของจริง เพราะรู้ประวัติของมัน และทำให้อยากรู้เพิ่มขึ้น จนต้องไปหาเพิ่มจากเน็ตด้วยบางครั้ง (เห็นแบบนี้ก็รู้จักหาข้อมูลก่อนน้าา) คือเราจะเป็นพวกชอบหาข้อมูลที่เที่ยวที่ดูมาก่อน เพื่อจะได้รู้เรื่องนั้นๆแล้วจะได้เที่ยวแบบไม่เบื่อ
natural historical museum

National gallery
Woman of Willendorf
ว่ามาซะยาว แลดูมีสาระ5555 ปรากฏว่ามาเจอของจริง เห้ยยยย เล็กมากกกก คือรูปที่อาจารย์ให้ดูมันดูใหญ่อ่ะ ไม่คิดว่าจะเล็กขนาดเป็นนิ้ว ผิดคาดเบาๆ5555 แต่ถือว่า mission complete สบายใจละ ได้เห็นของจริง และนี่ไม่ใช่แค่อย่างเดียวที่เรียนมา ตอนไปดู gallery รูปของศิลปินยุโรปดังๆระดับโลก เจอรูปที่เคยเรียนมาอีกเพียบบบ แบบomggg ดูเว่อนะ แต่เราตื่นเต้นอ่ะไม่รู้ทำไม555 มันรู้สึกแบบสิ่งที่เคยเห็นในกระดาษ ตอนนี้มันมาอยู่ตรงหน้าจริงๆ เห็นกับตาเลย การดูศิลปะของยุโรปเยอะๆจะเริ่มเห็นสไตล์การวาดและจุดประสงค์ ในสมัยก่อนจะวาดเกี่ยวกับพระเยซูและ Madonna ซึ่งมารู้ทีหลังว่าคือพระแมามารี มารดาของพระเยซู อันนี้ก็ไปค้นจากเน็ตมาเหมือนกัน555

ใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่ในพิพิธภัณฑ์เกือบทั้งวัน คือสำหรับเรา เวลาดูศิลปะมันต้องซาบซึ้งกับผลงานด้วยถึงจะคุ้มที่มา แต่เพื่อนบางคนหลับไปแล้ว 555 อากมาฟ้ามืดซะแล้ว ได้เวาลเตรียมตัวกลับบ้านนน วันนี้ต้องแยกกับเพื่อนอีก 2 คนที่มาจาสวีเดนแล้ว เค้าจะเที่ยวเวียนนาต่อเพราะไม่มีสอบเหมือนเราและมาไกลกว่า เจอกันอีกทีคงตอนกลับไทย ล่ำรากันเสร็จก็แยกย้าย เราไปขึ้นรถไฟรอบ 10.30 pm ถึงลินซ์ตอนเที่ยงคืน ในที่สุดก็ถึงบ้านน คิดถึงเตียงจะแย่อยู่แล้ววว

ทริปนี้คงเป็นทริปใหญ่ที่สุดของการมาแลกเปลี่ยน ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมากๆ เช่นการดูแผนที่ การเอาตัวรอด การหาที่อยู่ การใช้เงิน รวมทั้งความรู้จากสถานที่เที่ยวต่างๆ และการได้สัมผัสของจริง เป็นประสบการณ์ที่จะไม่ลืมตลอดชีวิต ขอขอบคุณผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการคือป๊ากะแม่ ด้านการเงิน5555 เจอกันครั้งหน้าหลังสอบเสร็จจ้าาา

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557

เริ่มต้นการเดินทาง สู่เมืองลินซ์...ออสเตรีย


การเดินทางเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้....
5.09.2014
คือความจริงอยากจะเขียนมาตั้งนานละ แต่ไม่ค่อยมีเวลา อยู่มาซัก 3 เดือนแล้ว เพิ่งจะเริ่มม อยู่ที่นี่ไม่ใช่ว่ายุ่งเพราะเรียนหนักนะ คือแบบเที่ยวกับปาร์ตี้หนักซะมากกว่า555555
เข้าเรื่องการเลยดีกว่า คือตัวเรานี้ก็เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนหนึ่งปีที่ประเทศออสเตรีย ที่เมืองลินซ์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของออสเตรียและเป็นเมืองหลวงของ Upper Austria ที่ได้เป็นก็เพราะโครงการเราเป็นนานาชาติและมีสัญญากับมหาลัยแห่งนี้(เราไปเรียนที่ JKU) เราใช้เกรดและคะแนนโทเฟลยื่น สุดท้ายก็ได้มาเรียนปีสามที่นี่ โอนเกรดกลับได้หมด และเรียนต่อที่ไทยอีกปีนึงก็จบบ

เราเรียนเศรษฐศาสตร์ภาคภาษาอังกฤษ แต่ไม่ไได้คิดว่าอังกฤษของตัวเองจะดีมากขนาดนั้น การมาแลกเปลี่ยนครั้งนี้ก็เป็นธรรมดาที่จะตื่นเต้น ตามประสาคนไม่เคยห่างบ้านไปไกลถึงปีนึง แถมต้องดูแลตัวเองทั้งหมด ไม่มีใครมาบังคับ ที่สำคัญคือคิดในใจว่าตูจะพูดกับเพื่อนฝรั่งรู้เรื่องป่าวฟะ55555 คือจินตนาการตัวเองพูดอังกฤษตลอดเวลาไม่ออกเลย อยู่ที่ไทยก็พูดเฉพาะเวลาพรีเซ้นงานไรงี้ แต่เอาวะ มาถึงขั้นนี้ เอาไงเอากันนน


รอเครื่องที่เวียนนา
กว่าจะได้เข้าเรื่อง เกริ่นมาซะยาววว ขอเล่าอีกนิดว่าเรามาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนสนืทที่คณะอีกคน ก็เลยอุ่นใจขึ้นหน่อย จำได้ว่าวันแรกที่ออกจากบ้านมาสุวรรณภูมิที่แบบชิวมาก จัดกระเป๋าก่อนเดินทางซักอาทิตย์นึง แบบว่างเกินเลยขี้เกียจ พวกเพื่อนที่ม่ได้ไปแลกเปลี่ยนก็เปิดเทอมกันหมดแล้ว เราก็ไม่ต้องไปมอ รอไปเลยทีเดียว ป๊าขับรถมาส่งที่สนามบิน เครื่องออกเกือบเที่ยงคืน แต่คนเยอะเว่ออออ พอหาเกตเจอก็นั่งรอเพื่อน พอได้เวลาเข้าเกตเท่านั้นแหละ น้ำตาแตกเลยทีเดียว แบบไม่คิดจะร้องเลยนะ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ ยิ่งเห็นเพื่อนร้องก็อยากจะร้องตาม ครอบครัวมาส่งกันพร้อมหน้า จำได้ว่าตอนขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อไปที่รอตรงผู้โดยสารขาออกนี่คือครั้งสุดท้ายที่เห็นหน้าทุกคน ตอนนั้นคือไม่อยากไปแล้ว คิดว่าชีวิตต่อจากนี้อีกปีต้องเหงาแน่ๆ (ดราม่าแปปป) แต่พอเข้ามาที่นั่งรอเท่านั้นแหละ อยู่ดีๆก็หายเศร้าเฉย แบบอยากจะไปแล้วว เค้าอยากขึ้นเครื่องแว้ววว (เปลี่ยนโหมดอย่างรุนแรง) พอได้ขึ้นเครื่อง Austrian airline ก็หลับทันที (อะไรวะเนี่ยย) เครื่องเค้าดีนะ แต่ที่นั่งแอบแคบไปนิด เรานั่ง economy ด้วยมั้ง ตอนจะลงงี้ปกติเราจะกลัวมาก คือแบบขี้หูจะออกมาเต้นระบำอยู่แล้วว แต่กัปตันจอดนุ่มมากก



นั่งเครื่องนี้ไปลินซ์

เดินทางถึงกรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย ประมาณ 10 โมงเช้าของอีกวัน ใช้เวลาประมาณ 10 ชม แต่ต้องรอเปลี่ยนเครื่องไปลินซ์(Linz) อีกเจ็ดชม ซึ่งแบบจากเวียนนาไปลินซ์แค่ครึ่งชม -*- กำ เราก็ใช้เวลาเป็นประโยชน์มาก นั่งเล่นเน็ตฟรีที่สนามบินตลอด 7 ชม ที่รอ (productive ตั้งแต่วันแรกที่ไปเลยทีเดียววว) รอจนรากงอกแล้ววว ของในสนามบินก็แพงตั้งแต่น้ำปล่า ไม่ต้องคิดจะซื้ออย่างอื่นเลย แบบน้ำขวดละ 1.99 euro ประมาณ 80 กว่าบาท ขวดเท่าน้ำทิพขวดเล็กบ้านเราเลย แต่ก็ต้องซื้อ คือหิวน้ำมากก สุดท้ายได้เวลาขึ้นเครื่องไปลินซ์ เครื่องเล็กได้อีกกกกก จุได้ 30คน หวาดเสียวมากก แต่กัปตันขับดีอีกแล้ว คือเป็นอะไรที่ประทับใจ(แค่เครื่องบินชั้นยังชอบเลยคิดดู) พอเครื่องลงจอดสนามบิน Blue Danube ที่ลินซ์ ก็เจอ mentor คือต้องบอกกว่าว่าเค้าคือคนที่จะช่วยดูแลเราตลอดเวลาที่อยู่นี่ แบบมีไรไม่เข้าใจ มีปัญหาก็ปรึกษาไรงี้ แต่ mentor บางคนก็มารับแล้วก็หายไปเลยก็มี แต่เมนเทอร์เราใจดีมาก เป็นคนรัสเซีย ชื่อ Artem คือเค้ามาเรียนโทที่มอเดียวกับเรา แต่พูดเยอรมันเก่งมากกก (หล่อนิดๆด้วยนะ555 เป็น first impressionเล็กๆน้อยๆ) เค้ามาพร้อมเมนเทอร์เพื่อนเราอีกคน แต่คนนี้หลังจากมาส่งเพื่อนแล้วหายไปเลยย เค้าก็พานั่งแท็กซี่มาส่งถึงหน้าหอ ช่วยลากกระเป๋า จัดการเรื่องที่พักให้เสร็จสับ พาขึ้นไปเก็บของที่ห้อง เรานอนห้องเดี่ยวแยกกับเพื่อน ห้องติดกัน แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าเราเปิดห้องไม่ได้T^T ปรากฏว่ากุญแจเสียยยย ฟ้ากกกก คืนแรกเลยต้องนอนกับเพื่อนไปก่อน โชคดีที่มันมี2เตียง แต่หลังจากเราออกไปแล้วก็มีแม่บ้านมาเอาอีกเตียงออกไป0-o

ห้องเราเองง
หลังจากเก็บของทุกอย่างก็กะจะออกไปเดินสำรวจซะหน่อย ก็อยากหาเพื่อนคนอื่นไปด้วย แต่คือเพิ่งมาถึงยังไม่รุ้จักใคร พอดีมีคนที่มาถึงก่อนโพสในกรุ๊ปเด็กเอ้กเช้นปีนี้ว่ามีใครอยากไปดู festival ประจำปีมั้ย คือมันเป็นงานกลางคืนประจำปีแบบมีโชว์ จุดพลุ ออเคสตราเล่นบนเรือริมแม่น้ำดานูบไรงี้ เราก็โชคดีได้อีก มาถึงคืนนั้นพอดี เพื่อนเราเลยบอกว่าจะไปด้วย เค้าให้มาเคาะห้องเค้า แต่คือเค้าเป็นผู้ชายย เรากะเพื่อนเป็นผู้หญิง แต่ใครสน ณ จุดนี้5555 ก็เลยรวบรวมความกล้าไปเคาะห้องเค้า ปรากฏไม่มีใครเปิดประตู กำเวรรร ก็แบบถอดใจละ สุดท้ายเดินลงมาที่receptionข้างล่างหอ เจอเค้านั่งอยู่เฉยยย เรากะเพื่อนก็แบบเข้าไปทักเลย แล้วก็รุ้จักกัน เค้าเป็นคนเบรารุส วันแรกก็ได้เจอเพื่อนดีๆเลย เราก็ยังคุยกะเค้าจนถึงปัจจุบัน เค้ารอเพื่อนอีก2 คน เราเลยได้รุ้จักไปด้วย มาจากอิสโทเนียคนนึง อีกคนเป็นคนเสปน ตอนนี้เป็นเหมือนพี่สาวเราไปแล้ว ทุกคนคือดีมากก เค้าพาเราเดินจากหอไปcity center ในเมือง จตุรัสกลางเมืองเรียกว่า Hauptplatz เป็นจตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปกลาง คือจะบอกว่ามันโคตรรรไกลลล เพิ่งมารุ้ทีหลังว่าไม่มีใครเค้าเดินกัน เค้านั่งรถแทรม บอกใครว่าเคยเดินมานี่คือทุกคนดูตกใจมากก แบบยูเดินได้ไงประมาณนี้ ตอนนั้นมืดแล้ว เราก็มาจองที่นั่งดูงานกันริมน้ำดานูบ โรแมนติกเว่อ(ถ้าไม่มีคนสูบบุหรี่ข้างๆ -.,-) คนมางานเยอะมากกกกกก เกือบหลงกันตั้งแต่วันแรก ดูบรรยากาศครึกครื้นดี มีฟามสุขขข พลุก็สวยย แบบบรรยายไม่ถูก ไม่มาเองไม่รุ้ เราก็คิดในใจ การเริ่มต้นชีวิตที่นี่เริ่มขึ้นแล้วสินะ กว่าจะกลับถึงหอเกือบตีหนึ่ง เหนื่อยมาก สุดมาก นี่ขนาดวันแรกยังเอ็กซตรีมขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดถึงวันต่อๆไปเลย แต่ยอมรับว่าเราชอบที่นี่แล้วจริงๆ....
ป้ายหน้ามหาลัยย

สวยมากกกกก

ยิ่งใหญ่อลังการ




จบการเดินทางวันแรก
6.09.2014 ถึงออสเตรียแล้วค้าบบบ